ดราม่า Must Carry ais play ถ่ายทอดบอลโลก2018

ดราม่า Must Carry ถ่ายทอดบอลโลก2018

ประเด็นเดือดช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากกรณีที่เอไอเอสแถลงข่าวปิดถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก2018 ผ่านแอปพลิเคชั่น AIS PLAY ตาม คำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ซึ่งให้ระงับการถ่ายทอดตามคำร้องขอของทรู ที่ได้รับมอบอำนาจมาจากฟีฟ่า

แต่ที่น่าสนใจคือ ทำไมเอไอเอส ตัดสินใจทำเกินคำสั่งศาล โดยเอไอเอส ได้เลือกปิดถ่ายทอดช่องทาง AIS Play Box ไปด้วยอีกช่องทางหนึ่ง ทั้งที่ศาลไม่ได้สั่ง ทำเอาผู้บริโภคมึนไปตามๆกัน ว่าทำไมเอไอเอสสับสนคำสั่งศาล หรือ ด้วยเหตุผลกลใด

ประเด็นที่ผู้บริโภครู้สึกขุ่นใจ ไม่ใช่ประเด็นที่เอไอเอสไม่ได้ถ่ายทอด เพราะทุกคนเข้าใจว่าเอไอเอส ไม่ได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์อยู่แล้ว แต่เป็นประเด็นที่ศาลสั่งแจ้งล่วงหน้า 48 ชม. แต่ทำไม เอไอเอส มาแจ้งก่อนถ่ายทอดเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำเอาชาวเน็ตเอาไปดราม่ากันพักใหญ่

ต่อมาทางทรูได้ออกมาชี้แจงว่า เอไอเอสนำสิทธิการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ผ่านมือถือไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางฟีฟ่า ซึ่งในฐานะที่ทรูวิชั่นส์เป็นผู้ดูแลลิขสิทธิ์ในประเทศไทย จึงต้องทำหน้าที่ดูแลให้เป็นไปตามกติกาข้อกำหนดของฟีฟ่า มิเช่นนั้นฟีฟ่าอาจบอกเลิกสัญญา ซึ่งจะเป็นความเสียหายที่ไม่อาจประเมินค่าได้ ที่สำคัญจะทำให้คนไทยทั้งประเทศอดชมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปีนี้ และยังไม่รวมถึงการที่ประเทศไทยอาจถูกตัดสิทธิ์จากการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกในอนาคตอีกด้วย

อันที่จริงเรื่องนี้ควรจะจบตั้งแต่ศาลมีคำสั่งให้เอไอเอสยุติการแพร่ภาพแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเอไอเอสยังดิ้นไม่หยุด ทิ้งประเด็นข้ออ้างว่าทำตามกฎ Must Carry ของกสทช. ที่ให้ประชาชนทั่วไปสามารถรับชมรายการโทรทัศน์ที่มีการออกอากาศทั่วไปทางฟรีทีวีได้

เอไอเอสระบุในแถลงการณ์ว่า “…เป็นหน้าที่ที่บริษัทต้องปฏิบัติตามตามประกาศกสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (ประกาศ Must Carry)…”

จุดนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ฟีฟ่ามอบอำนาจให้ทรูร้องขอต่อศาลฯ เพราะทางทรูร้องต่อศาลฯ กรณีที่เอไอเอสถ่ายทอดสดผ่านแอปพลิเคชั่น AIS PLAY ซึ่งผิดกฎของฟีฟ่า เนื่องจากทรูเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และได้รับอนุญาตจากฟีฟ่าให้ถ่ายทอดผ่านแอปพลิเคชั่น TrueID เพียงแอปพลิเคชั่นเดียวเท่านั้น จึงเป็นความชอบธรรมที่จะฟ้องร้องเอไอเอสได้

กระนั้นเอไอเอสก็ยังสามารถปฏิบัติตามกฎ Must Carry ของกสทช.ได้เหมือนเดิม สำหรับการถ่ายทอดผ่าน AIS Play Box ซึ่งเป็นบริการ IPTV ที่เป็นฟรีทีวี สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถดูได้ จุดนี้เอไอเอสเองก็รู้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีคำถามกลับไปยังเอไอเอสว่า แล้วทำไมเอไอเอสต้องปิดการถ่ายทอดผ่าน Play Box ด้วย

อีกประเด็นที่สำคัญก็คือ ทรูวิชั่นส์เคยทำหนังสือแจ้งเตือนผู้ให้บริการทีวีผ่านแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ว่า ไม่สามารถนำช่วงรายการถ่ายทอดสดบอลโลกออกอากาศได้ เนื่องจากเป็นลิขสิทธิ์ของทรูวิชั่นส์ที่ได้รับจากฟีฟ่า ซึ่งผู้ให้บริการรายอื่นยอมตัดสัญญาณช่วงถ่ายทอดสดไปแล้ว แต่ทำไมเอไอเอสจึงดึงดัน ไม่ยอมยุติการแพร่ภาพ???

ยังมีคำถามอีกว่า หลังจากที่ศาลมีคำสั่งให้เอไอเอสยุติการแพร่ภาพผ่านแอปพลิเคชั่น AIS PLAY ในทันที โดยให้แจ้งผู้ชมภายใน 48 ชม. แต่ทำไมเอไอเอสไม่แจ้งทันที เพิ่งมาประกาศแจ้งในไม่กี่ชั่วโมงก่อนครบกำหนด 48 ชม. เอไอเอสมีจุดประสงค์อะไร?

ไม่ว่าเอไอเอสจะจงใจปิดการถ่ายทอดผ่าน Play Box หรือไม่ หรือจะเล่นเกมอะไรอยู่ ก็คงไม่มีใครว่า หากไม่เอาผู้ชมคนดูหรือประชาชนมาเป็นเครื่องต่อรอง!!! ตารางบอลโลก 2018