กรณีสะเทือนใจของครูวัยเกษียณในภาคอีสาน กลายเป็นประเด็นที่สังคมหันมาจับตา หลังพบว่าถูกหักเงินบำนาญชำระหนี้จนเหลือเงินใช้เพียง 10 บาทต่อเดือน แม้ก่อนหน้านี้จะพยายามร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ไม่เกิดการแก้ไข ทำให้ต้องเผชิญปัญหาการดำรงชีวิตอย่างหนัก จนนำไปสู่การตัดสินใจจบชีวิตตนเอง
เรื่องราวถูกเผยแพร่ สะท้อนปัญหาครูบำนาญจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2568 เพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 7 ได้เผยแพร่เรื่องราวจากลูกเพจ พร้อมหลักฐานการโอนเงินบำนาญที่เหลือเพียง 10 บาทต่อเดือน ผู้ให้ข้อมูลระบุว่า ครูบำนาญในหลายพื้นที่กำลังเผชิญปัญหาลักษณะเดียวกัน โดยผู้เสียชีวิตเคยยื่นเรื่องขอผ่อนปรนเงื่อนไขหนี้ และขอใช้สิทธิบำเหน็จตกทอดมาชำระหนี้ เพื่อให้มีเงินเหลือใช้ระหว่างยังมีชีวิต
ประเด็นที่ถูกสะท้อนจากกรณีนี้ ได้แก่
- การหักเงินบำนาญจนไม่เหลือเงินดำรงชีพ
- การขาดกลไกช่วยเหลือเร่งด่วนสำหรับครูเกษียณ
- ปัญหาหนี้สินเรื้อรังในกลุ่มข้าราชการบำนาญ
คำร้องไม่ถูกดำเนินการ จุดจบที่น่าเศร้า
แม้ครูบำนาญรายนี้จะร้องขอความช่วยเหลือหลายครั้ง แต่คำร้องไม่ได้รับการดำเนินการ ส่งผลให้ต้องใช้ชีวิตด้วยเงินที่ไม่เพียงพอแม้แต่ค่าอาหารหรือค่ารักษาพยาบาล ภายหลังการเสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำสิทธิบำเหน็จตกทอดไปชำระหนี้ตามระเบียบ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ผู้เสียชีวิตเคยขอไว้ก่อนหน้านี้ กรณีนี้จึงกลายเป็นคำถามสำคัญต่อระบบบำนาญ ว่าควรมีมาตรการคุ้มครองการดำรงชีพขั้นพื้นฐานมากกว่านี้หรือไม่
สรุป โศกนาฏกรรมของครูเกษียณรายนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนบุคคล แต่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบบำนาญและหนี้สินครู การทบทวนแนวทางปฏิบัติอย่างจริงจัง อาจเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันไม่ให้เหตุเศร้าเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก