ราคาทองคำโลก ปรับตัวลงแรงกว่า 250 ดอลลาร์ในวันอังคาร หลังพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันก่อนหน้า โดยแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุนทั่วโลกเป็นปัจจัยหลักที่กดดันตลาด ขณะค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ทองคำซึ่งซื้อขายเป็นสกุลดอลลาร์มีความน่าดึงดูดน้อยลง
ปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำ
รายงานจากตลาด COMEX ระบุว่า สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 250.30 ดอลลาร์ หรือ 5.74% ปิดที่ 4,109.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,381.21 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา การปรับตัวลดลงครั้งนี้เกิดจากแรงขายทำกำไรหลังราคาทองคำและเงินปรับขึ้นแรงตลอดปี ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 60% แล้วในปีนี้
ปัจจัยที่มีผลต่อการปรับฐาน ได้แก่
- การแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์เพิ่มขึ้น 0.4%
- ความคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนตุลาคม
- การคาดการณ์เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวหลังความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนเริ่มผ่อนคลาย
แนวโน้มราคาทองคำในระยะต่อไป
นักวิเคราะห์จาก Citi คาดว่าราคาทองคำอาจเข้าสู่ช่วงพักฐานใน 2–3 สัปดาห์ข้างหน้า จากสัญญาณบวกทางการค้าและความคืบหน้าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีน ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณลดท่าทีแข็งกร้าวต่อจีน ขณะเตรียมพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุมเอเปคปลายเดือนนี้ นักลงทุนยังจับตาการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ วันที่ 24 ตุลาคม และการประชุมเฟดวันที่ 28–29 ตุลาคม ซึ่งอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง
สรุป: ราคาทองคำที่ปรับตัวลงแรงสะท้อนการพักฐานหลังทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ตลาดเริ่มประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟดและความสัมพันธ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หากเฟดยังคงส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อ ราคาทองคำยังมีโอกาสฟื้นตัวในระยะกลาง แต่ในระยะสั้นแรงขายทำกำไรยังคงกดดันตลาดต่อเนื่อง
